Advertisement

Advertisement

ในอนาคต Tesla อาจเสียแชมป์เจ้า EV ให้กับ Volkswagen Group

ในอนาคต Tesla อาจเสียแชมป์เจ้า EV ให้กับ Volkswagen Group

Advertisement

Advertisement
Autodesk VRED Professional 2016 SP1

Volkswagen Group กำลังสร้างยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า EV และ เพื่อแข่งขันกับแบรนด์ไฟฟ้าชั้นนำอย่าง Tesla

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Volkswagen Group (รวมถึง Volkswagen, Audi, Porsche, Skoda, SEAT) เจ้าแห่งยนตกรรมโลก กำลังผลักดันยอดขายเพื่อให้แซงหน้า Tesla

ด้วยแพลตฟอร์ม MEB ของเครือ VW ทำให้ผลักดันยอดขายเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

เทสลารายงานการส่งมอบ 241,300 คันในไตรมาสที่สามของปี 2564 ในขณะที่กลุ่มโฟล์คสวาเกนมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด 122,100 คัน

นั้นแสดงให้เห็นชัดเจนว่า VW มียอดขายเพียงครึ่งหนึ่งของ Tesla แต่ตัวเลขดังกล่าว ได้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง นั้นแสดงให้เห็นว่า ตำแหน่งเจ้าตลาดไฟฟ้า อาจเปลี่ยนไปเร็วๆนี้

รวมถึงในปี 2022 ทั้งสองกำลังเติบโตขึ้น อย่างไรก็ตามต้องมาติดตั้งในไตรมาส 4 ของปี 2021 สำหรับยอดขายรถยนต์ทั้งสองแบรนด์

แม้ว่าทางด้าน CEO ของ VW อย่าง Herbert Diess ได้โทรหา Elon Musk ระหว่างงานล่าสุดที่สำนักงานใหญ่ของ VW เพื่อหารือเกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้ Tesla แตกต่างจากคู่แข่ง

Diess และ Musk เป็นเพื่อนกันและยอมรับว่าพวกเขาชื่นชมซึ่งกันและกันในอดีต อันที่จริง Musk เคยพยายามจ้าง Diess เป็น CEO คนใหม่ของ Tesla

Diess พูดคุยกับ Musk ผ่านวิดีโอคอลระหว่างงานกับผู้บริหาร 200 คนจากผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเยอรมัน นี่เป็นผลจากแรงผลักดันจาก Diess สำหรับ VW เพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่รถยนต์ไฟฟ้า

ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่า Tesla อาจไม่ใช่ผู้ผลิตรถยนต์ EV ชั้นนำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีโรงงานใหม่ที่มีปริมาณการผลิตสูงสองแห่งที่เกือบจะพร้อมสำหรับการผลิต และ เพิ่มขึ้น ปีหน้าจะมีการส่งมอบกระบะไฟฟ้าของเทสล่า ที่มียอดจองกว่า 1.2 ล้านคัน เราต้องมาติดตามกันอีกทีว่าสามารถผลิตได้รวดเร็วขนาดไหน

Volkswagen Group ต้องการเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดในโลก จากเทสล่า ภายในปี 2025 หรืออีก 4 ปีข้างหน้า จะเป็นไปได้ ?

กลุ่มบริษัทสัญชาติเยอรมันตั้งใจที่จะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าประมาณ 70 คันทั่วโลกภายในปี 22030 ซึ่งเป็นกลยุทธ์เชิงรุกที่เข้มแข็ง และ จริงจังอย่างมาก

โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา VW ได้แรงหนุนเต็มที่จากฝ่ายบริหารของรัฐบาลไบเดน

นักวิเคราะห์จาก LMC Automotive กล่าวว่า VW Group อยู่ในเส้นทางที่จะแซงหน้า Tesla ในการขาย EV ภายในปี 2025 Auto News กล่าว

ในสหรัฐอเมริกา ปัจจุบัน VW ขาย ID.4 ไฟฟ้าทั้งหมด และจะตามมาด้วยซีดาน ID.BUZZ และ ID Aero ทั้งหมดเป็นแค่การเริ่มต้น

Volkswagen Group มีข้อได้เปรียบอย่างมากด้วยการเป็นการเจ้าของแบรนด์รถยนต์หลากหลาย ทำให้สามารถแข่งขันได้อย่างสบาย

ในขณะที่ TESLA ยักษ์ใหญ่ด้านรถยนต์ไฟฟ้า ที่มีจุดขายเฉพาะตัว และมีโมเดลยอดนิยมอย่าง Model 3, Model Y, Model S และ Model X อนาคตจะมีกระบะ Cybertruck, Roadster ทั้งหมดล้วนสร้างยอดขายมหาศาลให้แบรนด์ไม่น้อย

เมื่อต้นปีนี้ Herbert Diess ผู้บริหารระดับสูงของ VW ได้เผยใน Twitter บอกใบ้ถึงความทะเยอทะยาน EV ของแบรนด์ส่งถึง Elon Musk ว่า

“สวัสดี @Twitter!” เขาเขียน. “ เรามาที่นี้เพื่อสร้างผลกระทบกับแบรนด์@VWGroup และ แน่นอน เพื่อให้ได้ส่วนแบ่งการตลาดของคุณ @elonmusk

Volkswagen Group ตั้งเป้าที่จะสร้างรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดภายในปี 2040 (HYBRID , PHEV , EV) เพื่อให้บรรลุสิ่งนี้ ทางบริษัทมีแผนที่จะเพิ่มอัตรากำไรจาก 7-8% เป็น 8 -9% จนถึงปี 2025 เพื่อเป็นแรงกระตุ้นในการสร้างรถใหม่ๆ

ปัจจุบันบริษัทใช้แพลตฟอร์ม MQB (Volkswagen Group MQB platform) ใช้ในเช่น Volkswagen Golf, และ แพลตฟอร์ม MLB ในรุ่น Audi A7 แพลตฟอร์ม MSB สำหรับรถยนต์เช่น Porsche Panamera นอกจากนี้ยังมีแพลตฟอร์ม MEB สำหรับรถยนต์เช่น Volkswagen ID.4 และแพลตฟอร์ม PPE ในรุ่น Audi A6 e-tron

ในช่วงทศวรรษที่จะมาถึงนี้ บริษัทมีแผนที่จะเลิกใช้แพลตฟอร์ม ดังกล่าว และรวมเข้ากับแพลตฟอร์มใหม่ ที่เรียกว่า Scalable Systems Platform (SSP) แพลตฟอร์มดังกล่าวจะกลายเป็นพื้นฐานของรถยนต์ทุกคันภายใต้ Volkswagen Group

Scalable Systems Platform (SSP) แพลตฟอร์มใหม่ จะติดตั้งในรถยนต์คันแรกที่จะเปิดตัวปี 2026

VW พยายามลดความซับซ้อนของแพลตฟอร์ม โดยใช้ความหลากหลายแพลตฟอร์มในอดีต ผสาน และ สร้างสรรค์ ให้เกิดแพลตฟอร์มอเนกประสงค์อย่าง SSP

รวมทั้งได้ตั้งค่าหน่วยซอฟต์แวร์ที่เรียกว่า CARIAD ที่มุ่งเน้นไปที่แพลตฟอร์มเก่าๆ อย่าง E³ 1.1 จะอนุญาตให้มีการอัปเดตแบบ over-the-air สำหรับแพลตฟอร์ม MED และ PPE

และ เวอร์ชั่น E³ 2.0 จะพัฒนาระบบปฏิบัติการแบบรวมศูนย์ ภายใต้แพลตฟอร์ม SSP

“ซอฟต์แวร์มีบทบาทสำคัญ ในการเปลี่ยนแปลงจากบริษัทรถยนต์สันดาป ไปเป็นรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มรูป” เดิร์ก ฮิลเกนเบิร์ก ซีอีโอของ CARIAD กล่าว “ภายในปี 2030 ซอฟต์แวร์ซึ่งใช้ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ จะกลายเป็นแหล่งรายได้หลักของเรา”

VW วางแผน ที่จะออกแบบเซลล์แบตเตอรี่แบบครบวงจร เพื่อลดต้นทุนลง 50% จากต้นทุนปัจจุบัน โดยจะผลิตในโรงงาน 6 กิกะไบต์ในยุโรปด้วยกำลังการผลิต 240 GWh ภายในปี 2573

นอกจากนี้ ยังวางแผนที่จะรีไซเคิลแบตเตอรี่เหล่านั้นเพื่อลดต้นทุน แล ะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

VW กำลังติดตั้งสถานีชาร์จทั่วยุโรป และ มีแผนที่จะร่วมมือกับบริษัทอื่นๆ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงการชาร์จที่สะดวกรวดเร็ว Electrify America มีแผนจะเพิ่มโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จเป็นสองเท่าในสหรัฐอเมริกา และ แคนาดาภายในปี 2568

พันธมิตรในประเทศจีนจะเป็นจุดสนใจเช่นกัน เนื่องจากเป็นตลาดหลักของ โฟล์คสวาเกน เช่นเดียวกับยุโรป และ อเมริกาเหนือ

insideev

Advertisement

Advertisement

ใส่ความเห็น

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้