TOYOTA สร้างยอดขายทั่วโลก 876.864 คันในเดือนเมษายน 2025 เติบโต 10% ผลิตเพิ่ม 7.8%

TOYOTA สร้างยอดขายทั่วโลก 876.864 คันในเดือนเมษายน 2025 เติบโต 10% ผลิตเพิ่ม 7.8%
Spread the love

Advertisement

Advertisement

 

สรุปข่าว:

  • โตโยต้า ยอดขายรถยนต์ทั่วโลกเดือนเมษายนเพิ่มขึ้น 10% เป็นสถิติใหม่ที่ 876,864 คัน การผลิตเพิ่มขึ้น 7.8% เป็น 814,787 คัน แม้มีภาษีศุลกากร 25% ของสหรัฐฯ บังคับใช้ตั้งแต่ต้นเดือน
  • โตโยต้าไม่ขึ้นราคาสินค้า แต่ถ้าภาษียังอยู่ระยะยาว อาจต้องปรับราคาขึ้น
  • ยอดขายนอกญี่ปุ่นเพิ่ม 9.7% ขายในสหรัฐฯ โตโยต้าเพิ่ม 10% ส่วนในญี่ปุ่นเพิ่ม 11.8% ฟื้นตัวจากปัญหาการรับรองรถยนต์ปีที่แล้วและรุ่นใหม่ออกสู่ตลาด
  • กำไรสุทธิปีงบประมาณลดลง 34.9% เหลือ 3.1 ล้านล้านเยน หรือประมาณ 713,000 ล้านบาท เพราะภาษีและค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้น
  • ฮอนด้า ยอดขายในสหรัฐฯ เพิ่ม 18.1% แต่ยอดขายรวมทั่วโลกลด 4.8% เพราะยอดขายจีนและญี่ปุ่นลดลง
  • นิสสัน ยอดขายทั่วโลกลด 7.2% จากการปรับโครงสร้างธุรกิจ ยอดขายในสหรัฐฯ ลด 3.7% และจีนลด 15.7%

โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่าการขายรถยนต์ทั่วโลกของบริษัทเพิ่มขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์จากปีที่แล้ว เป็นสถิติสูงสุดที่จำนวน 876,864 คันในเดือนเมษายน เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นก่อนที่จะได้รับผลกระทบด้านลบจากภาษีศุลกากรที่สูงขึ้นของสหรัฐฯ ต่อรถยนต์นำเข้า

ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับหนึ่งของโลกตามปริมาณระบุว่าการผลิตทั่วโลกเพิ่มขึ้น 7.8 เปอร์เซ็นต์ เป็นจำนวน 814,787 คันในเดือนที่ผ่านมา ซึ่งก็เป็นสถิติสูงสุดของเดือนเมษายนเช่นกัน โดยประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มอีก 25 เปอร์เซ็นต์กับรถยนต์ที่ผลิตนอกสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 3 เมษายน

บริษัทได้แจ้งว่าจะไม่ส่งต่อต้นทุนภาษีนี้ไปยังผู้บริโภคในสหรัฐฯ แต่บรรดานักวิเคราะห์ในอุตสาหกรรมรถยนต์คาดว่าบริษัทจะต้องเผชิญแรงกดดันให้ขึ้นราคาถ้าภาษีนี้ยังคงอยู่ในระยะยาว

ยอดขายนอกประเทศญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 9.7 เปอร์เซ็นต์ เป็นจำนวน 756,190 คัน ซึ่งในจำนวนนี้ขายในสหรัฐฯ 233,045 คัน เพิ่มขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อนหน้า

ยอดขายในประเทศญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 11.8 เปอร์เซ็นต์ เป็น 120,674 คัน โดยฟื้นตัวจากปัญหาการรับรองมาตรฐานรถยนต์ที่เคยทำให้การผลิตบางรุ่นหยุดชะงักในปีที่แล้ว และได้รับแรงหนุนจากการเปิดตัวรุ่นใหม่

สำหรับปีธุรกิจที่สิ้นสุดเดือนมีนาคม โตโยต้าคาดการณ์ว่าจะมีกำไรสุทธิลดลงถึง 34.9 เปอร์เซ็นต์ เหลือ 3.1 ล้านล้านเยน (ประมาณ730,000 ล้านบาท) เนื่องจากมาตรการเก็บภาษีของทรัมป์และค่าเงินเยนที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งทำให้กำไรจากการส่งออกเมื่อนำกลับเข้าญี่ปุ่นลดลง

ฮอนด้า มอเตอร์ คอร์ป ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับสองของญี่ปุ่น ก็ได้รับประโยชน์จากความต้องการที่แข็งแกร่งในสหรัฐฯ โดยยอดขายเพิ่มขึ้น 18.1 เปอร์เซ็นต์ เป็น 137,656 คันในเดือนเมษายน

แต่ภาพรวมยอดขายทั่วโลกกลับลดลง 4.8 เปอร์เซ็นต์ เหลือ 287,955 คัน ในเดือนดังกล่าว โดยได้รับผลกระทบหนักจากยอดขายในจีนที่ลดลงถึง 40.7 เปอร์เซ็นต์ และยอดขายในญี่ปุ่นลดลง 10.1 เปอร์เซ็นต์

นิสสัน มอเตอร์ คอร์ป ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับสามของญี่ปุ่นและกำลังอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างใหญ่เพื่อฟื้นฟูธุรกิจ มียอดขายทั่วโลกลดลง 7.2 เปอร์เซ็นต์ เหลือ 225,729 คัน โดยได้รับผลกระทบจากยอดขายในสหรัฐฯ ที่ลดลง 3.7 เปอร์เซ็นต์ และยอดขายในจีนลดลง 15.7 เปอร์เซ็นต์

english.kyodonews

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้