รถใหม่เปิดตัวไทยปีหน้า 2569 / 2026 DEEPA S03 , TOYOTA LAND Cruiser FJ , MG IM5 , MAZDA 6e

รถใหม่เปิดตัวไทยปีหน้า 2569 / 2026 DEEPA S03 , TOYOTA LAND Cruiser FJ , MG IM5 , MAZDA 6e
Spread the love
Advertisement Advertisement

ยืนยันขายไทยปี 2569 : DEEPAL S03 B-SUV ไฟฟ้าใหม่ 405 – 506 กม./ชาร์จ CLTCขายไทยราคา 1,xxx,000 บาท MAZDA 6e ซีดานไฟฟ้า 654 กม./ชาร์จ NEDC

Toyota Yaris Cross DNGA รุ่นไมเนอร์เชนจ์ คาดเปิดตัวไทยปี 2026 ใหม่ * ภาพในจินตนาการ

Honda Super-ONE Prototype ไฟฟ้าขนาดเล็ก เปิดตัวครั้งแรกของโลกที่ Japan Mobility Show 2025

รวมภาพคันจริง พวงมาลัยขวา BYD SEALION 8 SUV 7 ที่นั่งก่อนขาย ต้นปี 2026 ไทยมีลุ้นเช่นกัน

เปิดราคา 813,000 บาท ในจีน BYD TI7 ปลั๊กอินไฮบริด วิ่งไฟฟ้า 135 – 200 กม.

ขายไทยปีหน้า 2569 : คาดไม่เกินล้านบาท Wuling Starlight MPV ไฟฟ้า 540 กม./ชาร์จ ใหม่

รวมภาพคันจริง DENZA B5 ในออสเตรเลีย คาดราคา 1.49 ล้านบาท ลุ้นขายไทยเช่นกัน

คาดขายไทยราคา 2.2-2.4 ล้านบาท 792 กม./ชาร์จ WLTP / 887 กม. NEDC Mercedes-Benz CLA 250+ ประกาศราคาในงาน Motor Show 2026

เปิดขายไทยปี 2569 : GEELY Starray EM-i ปลั๊กอินไฮบริด วิ่งไฟฟ้า 83 กม. WLTP

คาดเปิดตัวไทยปี 2569 : NEW MG 4 EV ใหม่ 437 – 530 กม./ชาร์จ CLTC

คาดเปิดขายไทยปีหน้า 2026 : Mitsubishi Destination บนขุมพลังไฮบริด 1.6

ยืนยันขายไทยปีหน้า Nio Firefly EV ใหม่ วิ่งได้กว่า 420 กม./ชาร์จ CLTC

ปี 2569 ถือเป็นปีทองของตลาดรถยนต์ไทย เพราะจะเป็นปีที่มีรถใหม่เปิดตัวจำนวนมาก ทั้งรถยนต์ไฟฟ้า (EV), ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV), ไฮบริด (HEV), SUV – PPV รุ่นใหม่ และรถกระบะโมเดลเปลี่ยนโฉมครั้งใหญ่ ทำให้การแข่งขันรุนแรงกว่าเดิมหลายเท่า โดยเฉพาะค่ายจีน ญี่ปุ่น และยุโรปต่างเดินเกมรุกเต็มกำลัง

ด้านล่างนี้คือ รายชื่อรุ่นเด่นที่คาดว่าจะเปิดตัวในไทยปี 2569 พร้อม การวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ฉบับอัปเดตล่าสุด

รถใหม่เตรียมเปิดตัวในประเทศไทยปี 2569 / 2026

สิ่งที่เปลี่ยนในปี 2569

  • รัฐบาลปรับอัตรา “ภาษีสรรพสามิต” สำหรับรถยนต์หลายประเภท เริ่มมีผลตั้งแต่ 1 ม.ค. 2569
  • เป้าหมายคือ สนับสนุนรถไฟฟ้า (EV) / ไฮบริด / ปลั๊ก-อินไฮบริด (PHEV/HEV) และ “ควบคุม” รถยนต์ที่ปล่อย CO₂ สูง (โดยเฉพาะ ICE)

หลักเกณฑ์ / เงื่อนไขในการคำนวณภาษี (ปี 2569)

  • สำหรับรถที่ใช้เครื่องยนต์ / ควัน CO₂ (ICE, HEV, MHEV) ภาษีถูกคำนวณจากสองปัจจัยหลัก — “ความจุ/ขนาดเครื่องยนต์” และ “ปริมาณ CO₂ ที่ปล่อย (กรัม/กม.)”

  • สำหรับรถแบบปลั๊ก-อินไฮบริด (PHEV) ภาษีสรรพสามิตถูกกำหนดตาม ระยะ “วิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนต่อการชาร์จ 1 ครั้ง” (Electric Range) เป็นหลัก — ไม่ได้ใช้ขนาดถังน้ำมันหรือขนาดเครื่องยนต์เหมือนเดิม

  • สำหรับ PHEV ยังมีเงื่อนไขเสริม: ตัวรถควรมี ระบบช่วยขับขี่ (ADAS) อย่างน้อย 2 ระบบ และ (ในบางกรณี) แบตเตอรี่ต้องผลิตในประเทศ เพื่อให้ได้รับอัตราภาษีตามเกณฑ์พิเศษ (สำหรับรถที่เข้าเงื่อนไข “รถไฟฟ้า/พลังงานทางเลือก”)

  • สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าล้วน (BEV) ภาษีสรรพสามิตต่ำสุด — ไม่มีข้อจำกัดเรื่อง CO₂ หรือเครื่องยนต์ เพราะเป็นรถไฟฟ้า — ได้อัตราที่กำหนดไว้ชัดเจน

    Advertisement Advertisement

อัตราภาษีสรรพสามิตตามประเภทรถ (ปี 2569)

ประเภท / กลุ่มรถ เงื่อนไข / CO₂ / เครื่องยนต์ อัตราภาษีสรรพสามิต
ICE (สันดาปทั่วไป) เครื่อง ≤ 3.0 ลิตร + CO₂ ≤ 100 กรัม/กม. 13%
ICE เครื่อง ≤ 3.0 ลิตร + CO₂ >100 ≤120 กก./กม. 22%
ICE เครื่อง ≤ 3.0 ลิตร + CO₂ >120 ≤150 กก./กม. 25%
ICE เครื่อง ≤ 3.0 ลิตร + CO₂ >150 ≤200 กก./กม. 29%
ICE เครื่อง ≤ 3.0 ลิตร + CO₂ >200 กก./กม. 34%
ICE / รถหรู เครื่อง > 3.0 ลิตร (ไม่ดู CO₂) 50%
HEV / MHEV (ไฮบริด / มายด์-ไฮบริด) เครื่อง ≤ 3.0 ลิตร, CO₂ ≤ 100 กก./กม. 6% คงที่ 2569–2575
HEV / MHEV เครื่อง ≤ 3.0 ลิตร, CO₂ 101–120 กก./กม. 9% (คงที่)
HEV / MHEV เครื่อง ≤ 3.0 ลิตร, CO₂ >120 ≤150 กก./กม. 14%
HEV / MHEV เครื่อง ≤ 3.0 ลิตร, CO₂ >150 ≤200 กก./กม. 19%
HEV / MHEV เครื่อง ≤ 3.0 ลิตร, CO₂ >200 กก./กม. 24%
HEV / MHEV เครื่อง > 3.0 ลิตร 40%
PHEV (ปลั๊ก-อิน ไฮบริด) วิ่งไฟฟ้าล้วน ≥ 80 กม./ชาร์จ 5%
PHEV วิ่งไฟฟ้าล้วน < 80 กม./ชาร์จ 10%
PHEV (ถ้าใช้เครื่องยนต์ > 3.0 ลิตร) 30%
BEV (ไฟฟ้าล้วน) 2%

นโยบาย EV 3.5 คืออะไร?

EV 3.5 คือมาตรการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้ารอบใหม่ของรัฐบาลไทย (ต่อจาก EV3.0 และ EV3.1) ที่จะเริ่มมีผลตั้งแต่ ปี 2569–2570 เพื่อดึงดูดให้ค่ายรถตั้งโรงงานผลิตรถ EV และ PHEV ในไทย และทำให้ราคารถ EV ในประเทศ “ถูกลงและแข่งขันได้”

 เป้าหมายหลัก 3 ข้อ

  • ลดราคา EV ให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้
  • บังคับให้ค่ายรถผลิตในประเทศไทย
  • ลดการพึ่งพาการนำเข้ารถทั้งคัน (CBU)

สาระสำคัญของมาตรการ EV 3.5

รถนำเข้า (CBU EV) ยังได้รับส่วนลดภาษีนำเข้า แต่ “ต้องผูกกับการผลิตในไทย”

  • ค่ายรถที่นำเข้า EV มาขายในไทย ต้อง ตั้งโรงงานผลิต EV ภายในประเทศ
  • และต้องผลิต “ให้เท่ากับจำนวนที่นำเข้า” ตามสัดส่วนที่รัฐกำหนด

ตัวอย่างเงื่อนไขที่ใช้บ่อยใน EV3.5

  • ปีแรก: นำเข้าได้ แต่ต้องมีแผนการผลิตชัดเจน
  • ปีถัดไป: ปริมาณการผลิตในไทย ≥ 1 เท่า ของยอดนำเข้า
  • ไม่ทำตาม → ถูกเรียกคืนเงินอุดหนุน + ยกเลิกสิทธิ์

เงินอุดหนุน EV (Subsidy) ยังมี แต่ลดลงจาก EV3.0

ใน EV3.0 ผู้ซื้อได้รับเงินอุดหนุน 70,000–150,000 บาท ใน EV3.5 รัฐ “ลดระดับ” ลง เหลือเพียง:

  • รถราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท → รับ 30,000–50,000 บาท
  • รถราคา 1.5–2.0 ล้านบาท → รับ ไม่เกิน 20,000–30,000 บาท

เงินอุดหนุนลดลง เพราะ

  • ตลาด EV มีการแข่งขันแล้ว
  • รัฐต้องการเน้นการผลิตมากกว่าการลดราคา

แบตเตอรี่ต้องผลิตในไทย “ภายในปีที่กำหนด”

เพื่อให้ได้สิทธิ EV3.5 รถ EV ที่ขายในไทยต้องใช้แบตเตอรี่ที่

  • ผลิตในประเทศไทย
  • หรือประกอบในไทย
  • หรือใช้เซลล์ที่ผลิตในไทยบางส่วนตามสัดส่วนที่กำหนด

(กำลังจะมีประกาศ BOI + กรมสรรพสามิตกำหนดสัดส่วน เช่น 30–50%)

มาตรการนี้ครอบคลุม รถ EV, PHEV, รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่

EV3.5 จะเน้นเป็นพิเศษที่

  • รถไฟฟ้า BEV
  • รถ PHEV (ปลั๊กอินไฮบริด) แต่ต้องมีระยะวิ่งไฟฟ้า ≥ 80 กม.
  • โรงงานผลิตแพลตฟอร์ม EV / แบตเตอรี่ / ชิ้นส่วนไฟฟ้าแรงสูง

ความแตกต่างระหว่าง EV3.0 vs EV3.5

รายการ EV 3.0 EV 3.5
เงินอุดหนุน 70,000–150,000 บาท 20,000–50,000 บาท
ภาษีนำเข้า ลดให้มาก ยังลด แต่เข้มงวดขึ้น
ภาษีสรรพสามิต EV 2% EV 2% (เหมือนเดิม)
บังคับผลิตในไทย มี แต่ผ่อนปรน เข้มงวดมาก
แบตเตอรี่ผลิตในไทย ไม่บังคับ บังคับ
ระยะเวลามาตรการ 2565–2568 เริ่ม 2569–2570

ปี 2569 OMODA & JAECOO เปิดตัวไทย BEV 5 รุ่น REEV 1 รุ่น HEV 1 รุ่น PHEV 2 รุ่น

Advertisement Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้