รถใหม่เปิดตัวไทยปีหน้า 2569 / 2026 DEEPA S03 , TOYOTA LAND Cruiser FJ , MG IM5 , MAZDA 6e



















ปี 2569 ถือเป็นปีทองของตลาดรถยนต์ไทย เพราะจะเป็นปีที่มีรถใหม่เปิดตัวจำนวนมาก ทั้งรถยนต์ไฟฟ้า (EV), ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV), ไฮบริด (HEV), SUV – PPV รุ่นใหม่ และรถกระบะโมเดลเปลี่ยนโฉมครั้งใหญ่ ทำให้การแข่งขันรุนแรงกว่าเดิมหลายเท่า โดยเฉพาะค่ายจีน ญี่ปุ่น และยุโรปต่างเดินเกมรุกเต็มกำลัง
ด้านล่างนี้คือ รายชื่อรุ่นเด่นที่คาดว่าจะเปิดตัวในไทยปี 2569 พร้อม การวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ฉบับอัปเดตล่าสุด
รถใหม่เตรียมเปิดตัวในประเทศไทยปี 2569 / 2026
- TOYOTA LAND CRUISER FJ
- DEEPAL S03
- MG IM5 EV
- MAZDA 6e
- CHERY ET9 REEEV
- OMODA 4 EV
- TOYOTA YARIS CROSS ไมเนอร์เช้นจ์
- AVATR 06
- Honda Super-ONE
- Nissan Navara รุ่นใหม่
- Mitsubishi Pajero Sport All-New (PPV ใหม่)
- BYD SEALION 8 SUV 7 ที่นั่ง
- BYD TI7 ปลั๊กอินไฮบริด
- Wuling Starlight MPV
- DENZA B5
- Mercedes-Benz CLA 250+
- GEELY Starray EM-i ปลั๊กอินไฮบริด
- NEW MG 4 EV
- Mitsubishi Destination
- MG MAXUS eTerron 9 กระบะไฟฟ้า
- Nio Firefly EV
- FORD Ranger Super Duty
- MAZDA CX-20 Mild HYBRID
สิ่งที่เปลี่ยนในปี 2569
- รัฐบาลปรับอัตรา “ภาษีสรรพสามิต” สำหรับรถยนต์หลายประเภท เริ่มมีผลตั้งแต่ 1 ม.ค. 2569
- เป้าหมายคือ สนับสนุนรถไฟฟ้า (EV) / ไฮบริด / ปลั๊ก-อินไฮบริด (PHEV/HEV) และ “ควบคุม” รถยนต์ที่ปล่อย CO₂ สูง (โดยเฉพาะ ICE)
หลักเกณฑ์ / เงื่อนไขในการคำนวณภาษี (ปี 2569)
-
สำหรับรถที่ใช้เครื่องยนต์ / ควัน CO₂ (ICE, HEV, MHEV) ภาษีถูกคำนวณจากสองปัจจัยหลัก — “ความจุ/ขนาดเครื่องยนต์” และ “ปริมาณ CO₂ ที่ปล่อย (กรัม/กม.)”
-
สำหรับรถแบบปลั๊ก-อินไฮบริด (PHEV) ภาษีสรรพสามิตถูกกำหนดตาม ระยะ “วิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนต่อการชาร์จ 1 ครั้ง” (Electric Range) เป็นหลัก — ไม่ได้ใช้ขนาดถังน้ำมันหรือขนาดเครื่องยนต์เหมือนเดิม
-
สำหรับ PHEV ยังมีเงื่อนไขเสริม: ตัวรถควรมี ระบบช่วยขับขี่ (ADAS) อย่างน้อย 2 ระบบ และ (ในบางกรณี) แบตเตอรี่ต้องผลิตในประเทศ เพื่อให้ได้รับอัตราภาษีตามเกณฑ์พิเศษ (สำหรับรถที่เข้าเงื่อนไข “รถไฟฟ้า/พลังงานทางเลือก”)
-
สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าล้วน (BEV) ภาษีสรรพสามิตต่ำสุด — ไม่มีข้อจำกัดเรื่อง CO₂ หรือเครื่องยนต์ เพราะเป็นรถไฟฟ้า — ได้อัตราที่กำหนดไว้ชัดเจน
Advertisement Advertisement
อัตราภาษีสรรพสามิตตามประเภทรถ (ปี 2569)
| ประเภท / กลุ่มรถ | เงื่อนไข / CO₂ / เครื่องยนต์ | อัตราภาษีสรรพสามิต |
|---|---|---|
| ICE (สันดาปทั่วไป) | เครื่อง ≤ 3.0 ลิตร + CO₂ ≤ 100 กรัม/กม. | 13% |
| ICE | เครื่อง ≤ 3.0 ลิตร + CO₂ >100 ≤120 กก./กม. | 22% |
| ICE | เครื่อง ≤ 3.0 ลิตร + CO₂ >120 ≤150 กก./กม. | 25% |
| ICE | เครื่อง ≤ 3.0 ลิตร + CO₂ >150 ≤200 กก./กม. | 29% |
| ICE | เครื่อง ≤ 3.0 ลิตร + CO₂ >200 กก./กม. | 34% |
| ICE / รถหรู | เครื่อง > 3.0 ลิตร (ไม่ดู CO₂) | 50% |
| HEV / MHEV (ไฮบริด / มายด์-ไฮบริด) | เครื่อง ≤ 3.0 ลิตร, CO₂ ≤ 100 กก./กม. | 6% คงที่ 2569–2575 |
| HEV / MHEV | เครื่อง ≤ 3.0 ลิตร, CO₂ 101–120 กก./กม. | 9% (คงที่) |
| HEV / MHEV | เครื่อง ≤ 3.0 ลิตร, CO₂ >120 ≤150 กก./กม. | 14% |
| HEV / MHEV | เครื่อง ≤ 3.0 ลิตร, CO₂ >150 ≤200 กก./กม. | 19% |
| HEV / MHEV | เครื่อง ≤ 3.0 ลิตร, CO₂ >200 กก./กม. | 24% |
| HEV / MHEV | เครื่อง > 3.0 ลิตร | 40% |
| PHEV (ปลั๊ก-อิน ไฮบริด) | วิ่งไฟฟ้าล้วน ≥ 80 กม./ชาร์จ | 5% |
| PHEV | วิ่งไฟฟ้าล้วน < 80 กม./ชาร์จ | 10% |
| PHEV (ถ้าใช้เครื่องยนต์ > 3.0 ลิตร) | — | 30% |
| BEV (ไฟฟ้าล้วน) | — | 2% |
นโยบาย EV 3.5 คืออะไร?
EV 3.5 คือมาตรการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้ารอบใหม่ของรัฐบาลไทย (ต่อจาก EV3.0 และ EV3.1) ที่จะเริ่มมีผลตั้งแต่ ปี 2569–2570 เพื่อดึงดูดให้ค่ายรถตั้งโรงงานผลิตรถ EV และ PHEV ในไทย และทำให้ราคารถ EV ในประเทศ “ถูกลงและแข่งขันได้”
เป้าหมายหลัก 3 ข้อ
- ลดราคา EV ให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้
- บังคับให้ค่ายรถผลิตในประเทศไทย
- ลดการพึ่งพาการนำเข้ารถทั้งคัน (CBU)
สาระสำคัญของมาตรการ EV 3.5
รถนำเข้า (CBU EV) ยังได้รับส่วนลดภาษีนำเข้า แต่ “ต้องผูกกับการผลิตในไทย”
- ค่ายรถที่นำเข้า EV มาขายในไทย ต้อง ตั้งโรงงานผลิต EV ภายในประเทศ
- และต้องผลิต “ให้เท่ากับจำนวนที่นำเข้า” ตามสัดส่วนที่รัฐกำหนด
ตัวอย่างเงื่อนไขที่ใช้บ่อยใน EV3.5
- ปีแรก: นำเข้าได้ แต่ต้องมีแผนการผลิตชัดเจน
- ปีถัดไป: ปริมาณการผลิตในไทย ≥ 1 เท่า ของยอดนำเข้า
- ไม่ทำตาม → ถูกเรียกคืนเงินอุดหนุน + ยกเลิกสิทธิ์
เงินอุดหนุน EV (Subsidy) ยังมี แต่ลดลงจาก EV3.0
ใน EV3.0 ผู้ซื้อได้รับเงินอุดหนุน 70,000–150,000 บาท ใน EV3.5 รัฐ “ลดระดับ” ลง เหลือเพียง:
- รถราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท → รับ 30,000–50,000 บาท
- รถราคา 1.5–2.0 ล้านบาท → รับ ไม่เกิน 20,000–30,000 บาท
เงินอุดหนุนลดลง เพราะ
- ตลาด EV มีการแข่งขันแล้ว
- รัฐต้องการเน้นการผลิตมากกว่าการลดราคา
แบตเตอรี่ต้องผลิตในไทย “ภายในปีที่กำหนด”
เพื่อให้ได้สิทธิ EV3.5 รถ EV ที่ขายในไทยต้องใช้แบตเตอรี่ที่
- ผลิตในประเทศไทย
- หรือประกอบในไทย
- หรือใช้เซลล์ที่ผลิตในไทยบางส่วนตามสัดส่วนที่กำหนด
(กำลังจะมีประกาศ BOI + กรมสรรพสามิตกำหนดสัดส่วน เช่น 30–50%)
มาตรการนี้ครอบคลุม รถ EV, PHEV, รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่
EV3.5 จะเน้นเป็นพิเศษที่
- รถไฟฟ้า BEV
- รถ PHEV (ปลั๊กอินไฮบริด) แต่ต้องมีระยะวิ่งไฟฟ้า ≥ 80 กม.
- โรงงานผลิตแพลตฟอร์ม EV / แบตเตอรี่ / ชิ้นส่วนไฟฟ้าแรงสูง
ความแตกต่างระหว่าง EV3.0 vs EV3.5
| รายการ | EV 3.0 | EV 3.5 |
|---|---|---|
| เงินอุดหนุน | 70,000–150,000 บาท | 20,000–50,000 บาท |
| ภาษีนำเข้า | ลดให้มาก | ยังลด แต่เข้มงวดขึ้น |
| ภาษีสรรพสามิต | EV 2% | EV 2% (เหมือนเดิม) |
| บังคับผลิตในไทย | มี แต่ผ่อนปรน | เข้มงวดมาก |
| แบตเตอรี่ผลิตในไทย | ไม่บังคับ | บังคับ |
| ระยะเวลามาตรการ | 2565–2568 | เริ่ม 2569–2570 |
ปี 2569 OMODA & JAECOO เปิดตัวไทย BEV 5 รุ่น REEV 1 รุ่น HEV 1 รุ่น PHEV 2 รุ่น
